Rising Sun
เกม KS มิเนเจอร์สวย ลูกครึ่งอเมริเทรช-ยูโรระดับกลาง ธีมแฟนตาซี+ตำนานพื้นบ้านว่าด้วยการต่อสู้แย่งชิงความเป็นใหญ่ของชนเผ่าในญี่ปุ่น ผลงานจากนักออกแบบ Eric M. Lang (The Godfather, Blood Rage, Chaos in the Old World, Arcadia Quest ) แนวคิดหลักของเกมคือ Area Control ที่เราจะได้เคลื่อนทหารไปมาเพื่อสู้รบชิงความเป็นใหญ่ในพื้นที่ อนึ่ง…… เกมแบบนี้ไม่เรียกว่า Wargame…..
จุดเด่นอย่างแรกของเกมคือระบบพันธมิตร ที่ในตอนต้นรอบใหญ่ของเกม (เล่นกันสามรอบใหญ่) ผู้เล่นจะพูดคุยเพื่อตกลงจับคู่ตกลงเป็นพันธมิตรกัน (ถ้าเล่นเลขคี่จะมีหนึ่งคนที่ไม่มีคู่) ในระหว่างเกม ผู้เล่นจะผลัดกันเลือกทำแอ๊คชั่นห้าแบบซึ่งไม่ได้ซับซ้อนอะไร ประกอบไปด้วย เพิ่มจำนวนทหาร, เคลื่อนตัวทหาร, ซื้อการ์ดพิเศษเพิ่ม, เก็บของจากดินแดนที่เราครอบครอง และ ทำการทรยศโดยการแทนที่ตัวของผู้เล่นคนอื่นด้วยตัวของเรา จุดเด่นหลักของระบบนี้คือเวลาผู้เล่นเลือกทำแอ๊คชั่นอะไร ผู้เล่นทั้งวงจะได้ทำแอ๊คชั่นแบบเดียวกันแต่ว่าคนที่เลือกและพันธมิตรจะได้โบนัสพิเศษเพิ่มเติมด้วย (คล้ายระบบ Role Selection ของ Puerto Rico) ส่วนท่าทรยศถ้าถูกทำโดยพันธมิตรกันเองฝ่ายที่ทำจะต้องโดนลด ‘เกียรติ’ อันเป็นแทรคที่มีผลต่อ tie break และความสามารถของยูนิตพิเศษบางตัว (ข้อได้เปรียบของคนไม่มีคู่ก็คือเวลาทำท่าทรยศจะไม่มีบทลงโทษ)
ลูกเล่นถัดมาเกี่ยวกับระบบเลือกแอ๊คชั่นคือ ในหนึ่งรอบใหญ่แต่ล่ะแอ๊คชั่นจะทำได้มากที่สุดเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น เพราะว่าตัวแอ๊คชั่นจะถูกแทนที่ด้วยการ์ดอย่างล่ะ 2 ใบ (รวมเป็น 10 ใบ) ทำการวางสลับเป็นกองจั่ว โดยพอถึงตาของตัวเอง ผู้เล่นจะจั่วขึ้นมาดู 4 ใบแล้วเลือกทำหนึ่งใบส่วนที่เหลือเอาวางไว้ด้านบนตามเดิม (ทำให้ผู้เล่นรู้ความเป็นไปได้ในตาต่อไปประมาณหนึ่ง) ทำครบ 7 ครั้งก็จะจบหนึ่งรอบใหญ่ (ผู้เล่นคนสุดท้ายจะได้ดู 4 ใบสุดท้ายเท่ากับว่าแอ๊คชั่นทุกอันจะผ่านตาผู้เล่นทุกคนแต่ว่ามีสามแอ๊คชั่นที่จะไม่ถูกเลือก) ตรงนี้ถึงจะไม่ได้คล้ายเท่าไร แต่ส่วนตัวคิดว่าให้กลิ่นระบบทำแอ๊คชั่นใน Shogun แบบจางๆ ตรงที่เรารู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างแต่เราไม่รู้ว่าลำดับมันจะเกิดยังไง
หลังจากผู้เล่นได้ทำครบ 7 แอ๊คชั่นแล้วตอนจบรอบ เราก็จะมาดูกันรายพื้นที่ว่ามีฝ่ายตรงข้ามอยู่ด้วยกันไหมก็จะมาสู้กัน คนที่มีตัวเยอะกว่าก็จะได้รับไทล์พื้นที่ไปเก็บไว้ ตอนจบจะได้แต้มตามความต่างของพื้นที่ที่มี ตรงนี้ก็พื้นๆ แต่จุดที่สนุกคือก่อนหน้านี้นิดหน่อย… นั้นก็คือในแต่ล่ะการสู้รบ เกมจะมี step ย่อยเล็กๆอยู่ 4 อัน ทีนี้ผู้เล่นก็จะเอาเงินไปวางประมูลด้านหลังฉาก เฟสไหนใครเอาเงินไปลงเยอะกว่าก็จะได้ผลประโยชน์จากเฟสย่อยนั้นไป (คล้ายระบบประมูลใน Cry Havoc แต่อันนี้เป็นแบบ Close Bid ด้วยเงินครั้งเดียว ไม่ใช่ผลัดกันเอาตัวยูนิตไปลงทีล่ะตัว) เฟสย่อยที่ว่าจะประกอบไปด้วย
- คว้านท้อง: รู้ว่าสู้ไม่ได้ก็ฆ่าตัวตายเลยล่ะกัน แถมได้แต้มด้วย (แต่หลายครั้งก็จะเป็นเราเลือกที่จะวิ่งมาฆ่าตัวตายเพื่อเอาแต้ม)
- ลักพาตัว: เป็นการลดจำนวนทหารฝ่ายตรงข้ามชั่วคราว
- จ้างโรนิน: ได้สิทธิ์ในการส่งตัวลูกกระจ๊อกมาช่วยเสริมจำนวนรบ
- บทกวีขับขาน: ได้รับแต้มตามจำนวนทหารที่ตายไป
ตรงนี้มีความเจ๋งอยู่หลายอย่าง อย่างเช่นคนที่มีกำลังรบสูงกว่าก็อาจจะไม่ได้แต้มอะไรเลย ได้แค่ไทล์พื้นที่ไปเก็บสะสมเฉยๆ ส่วนคนมีเงินนอกจากจะคว้านท้องตายได้แต้มแล้วยังอาจจะมีบทเพลงเล่าขานถึงความกล้าหาญเอาแต้มไปอีกรอบก็ยังได้ หรือในอีกความหมายคือเราสามารถจ่ายเงินเพื่อให้อีกฝ่ายไม่สามารถทำท่าที่อยากทำได้ อย่างเช่นดูก็รู้ว่าไอ้นี้ส่งคนมาตายเอาแต้ม เราก็จ่ายเงินบิดแทนแม่มไม่ให้ฆ่าตาย หรือจ่ายป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายส่งตัวทหารมาช่วย แต่ด้วยความที่เกมมันเปิดให้เจรจา (แต่ไม่ผูกมัด) จะตกลงแบ่งส่วนกัน (หรือจะหักหลัง) ก็แล้วแต่ศรัทธา
ความดีของระบบนี้ระลอกสองคือคนที่แพ้ศึกจะได้เงินจากฝ่ายชนะไปเป็นเงินหมุนสู้ศึกใหม่ต่อไป ตรงที่ทำให้ต้องคิดเพิ่มอีกหลายระดับว่าอัดเงินชนะไปตอนนี้จะกลายเป็นทำให้เราลำบากศึกหน้าหรือปล่าวนะ หรือเราอาจจะใช้ตรงนี้เป็นช่องเจรจาบอกเราจะยัดเงินให้นายเยอะๆ เอาไปสู้ศึกอื่นแต่เราขอตรงนี้เถอะนะพลีส ก็ได้เหมือนกัน
สิ่งที่ช่วยทำให้กลไกการรบในเกมนี้น่าสนใจเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างคือทหารมีจำนวนจำกัด (มาก) พอ ณ จุดๆหนึ่งเมื่อไรที่เราไม่สามารถออกทหารได้แล้วการหาจังหวะเข้าไปคว้านท้องตัวเองตายเพื่อทำแต้มจึงสำคัญมาก (เพราะเวลามีคนเลือกแอ๊คชั่นเกิดตัวเราจะได้ไม่เสียผลประโยชน์) และด้วยจำนวนที่ยูนิตน้อย การขึ้นแทรค ‘เกียรติ’ เลยสำคัญพอควรเพราะจะตัด tie break กันบ่อย ส่วนจุดสำคัญอีกอย่างคือด้วยความที่แต้มส่วนหนึ่งมาจากการสะสมชัยชนะในพื้นที่ที่แตกต่างกันผู้เล่นก็จะถูกบังคับให้เคลื่อนทัพตลอดเวลา ลดปัญหาแนวคิดในเกมแนวยึดพื้นที่ประเภท ‘ทีนี้บ้านกู’ ได้ดี
เกมนี้ผู้เล่นแต่ละเผ่ามีความสามารถแตกต่างกัน เท่าที่เล่นคิดว่าก็น่าจะสมดุลย์ในระดับหนึ่งนะ แต่ล่ะตัวก็เก่งในทางของตัวเอง ความสามารถเข้าใจง่าย ในแง่ Replay คิดว่าน่าจะสูงพอควรเพราะมีระบบโบนัสเล็กๆที่เราต้องส่งยูนิตเราไปบูชาเทพที่แต่ล่ะเกมไม่เหมือนกัน รวมถึงลำดับกับการออกแอ๊คชั่นที่แตกต่างกัน (ตัวเสริมก็บานอยู่ แต่อันนี้ขอพูดถึงกรณีมีแค่ตัวเกมหลัก)
🐸[กบโอเค] – บอกตามตรงว่าก่อนจะได้เริ่มเล่นเกมนี้ ผมประเมินเกมนี้ไว้ต่ำมากแบบไม่ได้คาดหวังอะไรเลย ด้วยเหตุว่าผมเกลียด Blood Rage และ Chaos in the Old World ของนักออกแบบคนนี้สุดๆ เกมอื่นที่เคยเล่นก็ออกแนวเฉยๆ ( จะเรียกว่าพอๆกับ Vital Lacerda ก็ได้ ) แถมค่าย CMON นี้มันสายมิเนเจอร์ที่ปกติผมก็แทบไม่สนใจเกมค่ายนี้เท่าไร ทำให้กลัวว่ามันจะเป็นเกมประเภทเอากลไกงั้งๆมาใส่หุ่นสวยๆ แต่เล่นแล้วพบว่าเกมนี้เป็นเกมที่ดี คือต่อให้เป็น cube ล้วนก็ยังสนุกอยู่ มิเนเจอร์ที่สวยก็เลยช่วยขับให้เกมบรรยากาศดีขึ้น เลยกระชากอารมณ์ผมมากๆ
โดยภาพรวมแล้วเกมนี้ทำให้ผมนึกถึงการรวมฮิตของเกม [กบไม่เล่น] หลายเกมมาเขย่ารวมกัน แล้วตัดเอาส่วนที่ผมไม่ชอบหลายอย่างของแต่ล่ะเกมออกไปมาปรุงรวมกันได้แบบที่รู้สึกว่า เฮ้ยสนุกดีหว่ะ
โดยรายละเอียดแล้วผมคิดว่าเกมนี้มันมีจังหวะการตัดสินใจที่ไม่ซับซ้อนมากดูหน้างานเป็นหลัก เพราะตำแหน่งแผนที่มันเคลื่อนที่ไปได้ไม่กี่ทาง และผู้เล่นแต่ล่ะคนก็ไม่อยากจะอยู่ที่เดิมอยู่แล้ว บางทีแลกกันเดิน อวยกันเองก็ วิน-วินดี แต่เกมจะให้น้ำหนักกับการคุยกันแทนแบบแทบไม่มีเวลานั่งเหงา เพราะต้องคุยกันจริงๆตลอดเวลา เนื่องจากพันธมิตรมันมีประโยชน์แค่ตอนเลือกทำแอ๊คชั่น แต่ตอนอื่นก็ต้องเสี้ยมต้องคุยกับคนอื่นอยู่ดี ที่ชอบมากอีกอย่างคือเกมไม่มีข้อมูลปิด (ยกเว้นตอนลงประมูลตอนสู้ แต่ว่าเรามีสิทธิ์รู้จำนวนเงินและทัพเสริมที่อีกฝ่ายมี) ทรัพยากรมีจำกัดทำให้ต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะยอมทิ้งตรงไหน แล้วไปยึดที่ไหนแทน ด้วยความที่เป็นข้อมูลเปิดหมด เวลาเจรจาถ้าอยู่ในวงที่บวกเลขเป็นแล้วมีสติดีๆจะคุยกันไม่ยาวเท่าไรถ้าผลประโยชน์ลงตัว (แต่เกมแรกห้าคนก็เล่นไปสามชั่วโมงกว่านะ แต่นานจริงๆแค่รอบแรกเพราะงงว่าทำอะไรดีหว่า คิดว่ากรอบ 120 นาทีมันน่าจะต่ำเกินจริงไปหน่อย นอกจากว่าจะไม่ค่อยคุย แต่ 180 นาทีน่าจะใกล้เคียงกว่า ถ้านานกว่านั้น……ผมไม่เล่นด้วยล่ะกัน)
ส่วนที่ไม่ชอบเท่าไรคือรู้สึกว่าการ์ดเสริม/ยูนิตเสริมที่ตัวโมสวยๆใหญ่ๆ ความสามารถมันค่อนข้างแรง (บางใบก็รู้สึกว่า OP เกินไปหน่อย) หลักๆเลยคือเพราะมันเพิ่มจำนวนยูนิตที่มีจำนวนจำกัดของเรา แต่การจะได้มานี้ต้องออกแอ๊คชั่นซื้อการ์ด ทำให้ผู้เล่นที่มี turn order หลังๆไม่ค่อยจะเหลือของดีๆถึงมือเท่าไร แต่ในแง่ไอเดียการออกแบบนับว่าน่าสนใจดี อย่างบางตัวที่เป็นยักษ์จะเก่งถ้าเรามี ‘เกียรติ’ ต่ำกว่าคู่ต่อสู้ ตรงนี้ก็ดูเป็นการถ่วงดุลย์ที่พอไหว แต่เรื่อง turn order นี้ก็ยังขัดใจอยู่ดี กับระบบการให้ส่งทรัพยากรไปมาได้อิสระ (แต่ต้องก่อนจะเริ่มทำศึก) ผมคิดว่ามันเอื้อให้เกิดดีลตลกๆ กับบทเจรจาที่ตรรกะแปลกๆ บ่อยไปหน่อย
ส่วนที่แล้วแต่คนคือ เกมนี้มันต้องพูดเยอะหน่อยกับหาจังหวะหักหลังกันพอประมาณ อารมณ์คล้ายใน AGoT คือเป็นเกมที่ค่อนข้างอ่อนไหวกับกลุ่มผู้เล่น ด้วยความที่เป็นเกมแบบไม่มี catch up ถ้าตามหลังแล้วเจอผู้เล่นสาย ‘โยนเกม’ หรือ ‘หัวร้อน’ เวลาโดนหักหลัง ก็น่าจะกร่อยได้ง่ายอยู่เหมือนกัน ( สายกูโหล่แล้ว No สน No แคร์ นี้อีกจำพวกหนึ่ง ) ส่วนตัวผมถ้าเจอวงพล่ามเยอะๆกับลีลาๆหรือไม่ก็พวกกลุ่ม ‘เล่นนอกเกม’ ก็คงไม่เล่นเกมนี้นะ
ตัวเกมไม่ได้หนักอะไรแต่จะเหนื่อยตรงต้องพูดเยอะ แต่โดยรวมก็ถือเป็นประสบการณ์การเล่นที่สนุกดี
Sidenote: เพราะคิดว่าเดี๋ยวคงมีคนถาม รวมฮิต [กบไม่เล่น] ที่ว่าก็ตามด้านล่าง ซึ่งแต่ล่ะเกมก็มีจุดดี จุดไม่โปรดต่างกันไป แต่ส่วนที่ไม่ชอบมันใหญ่มากจนเลือกที่จะไม่เล่น
Shogun [กบไม่เล่น] - Cube Tower ที่คุณค่ามั่วซั่วกว่าทอยเต๋า เป็นส่วนที่ห่วยที่สุดในเกมที่ถูกเอามาเป็นจุดขาย…. ระบบ action planing เกมนี้ทำออกมาน่าสนใจดี แต่เวลาเล่นจริงมันยึกยักน่ารำคาญ
Blood Rage [กบไม่เล่น] - ระบบ draft card แล้วเอามาออกแอ๊คชั่นที่ลีลาเยอะ ไม่ตรงจริตผมอย่างมาก กลไกการต่อสู้แบบข้อมูลปิดก็น่ารำคาญ เป็นเกมที่ถ้าเอามิเนเจอร์ออกไปแล้วไม่เหลือคุณค่าอะไรให้กลับมาซ้ำเลย ไปเล่น El Grande ดีกว่าเยอะ
Chaos In The Old World [กบไม่เล่น] - El Grande ฉบับอเมริเทรช การ์ดเยอะสัดระบบงงงวย ทอยเต๋าสู้อีกต่างหาก มาทรงนี้ The Lord of Ice Garden สนุกกว่าเยอะ
Cyclades [กบไม่เล่น] - ใช้ระบบเต๋า Combat ที่กระจอกมาก กับชนะกันแบบอยู่ดีๆเล่นทีเผลอ ระบบบิดน่าสนใจดี น่าเสียดาย
Diplomacy / A Game of Throne [กบไม่เล่น] - คุยนานเสียเวลา แค่เกมจับคู่รุม/อวย แล้วหาจังหวะแทง แถมนานไปไหน ……. Rising Sun ดีตรงเอากระบวนความคิดคล้ายๆกันมาแต่ว่ามีระบบแต้มระหว่างทาง เล่นแล้วไม่เคว้งคว้าง
😍 กบโปรด - อวยไส้แตก ยากมากที่เล่นแล้วจะรู้สึกไม่สนุก
😁 กบชอบ - พร้อมจะเล่นตลอด
🙂 กบโอเค - ชอบในบางแง่มุม แต่อาจจะเล่นไม่บ่อยหรือเล่นแค่บางอารมณ์
😐 กบเฉย - ไม่ได้เกลียดอะไร ถ้าไม่มีตัวเลือกอื่นก็เล่นได้อยู่
🖕 กบไม่เล่น - ไม่ตรงจริต ชวนก็ไม่เล่น
อนึ่ง : เป็นความรู้สึกในความ “อยากจะหยิบมาเล่นไหม?” ของผมเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณภาพของเกม ดูให้เป็นแค่ “อีกความคิดเห็นหนึ่ง” เท่านั้นก็พอนะครับ :)