บ่นเรื่อยเปื่อย - ว่าด้วยเชิดชูรางรถไฟและบ่นโรงไฟฟ้า
พอดีอยากทดลองเขียนอะไรแปลกๆอันนี้จะเรียกว่าเป็นบทความต่อเนื่องจากรีวิว [Age of Steam / Steam : เรียบง่าย ไร้ความปราณี] ก็ไม่ผิดนัก แต่ต้องออกตัวก่อนว่าค่อนข้างจับแพะชนแกะและมีอคติเยอะพอตัว :)
ทำไมต้องเอามาเทียบกัน?
สำหรับผู้เล่นส่วนมากถ้าพูดถึงเกมยูโรที่มีระบบ Bidding + Economic + Network ชื่อ PowerGrid (PG) น่าจะเรียกได้ว่ามาอันดับต้นๆ
เพื่อความเข้าใจตรงกันก่อนไปต่อ คือสำหรับเกมที่มีระบบพวกนี้ PowerGrid เป็นเกมดี เล่นสนุก แค่ผมชอบน้อยกว่า Age of Steam และ Steam (AoS/S) ด้วยเหตุผลว่า ผมไม่ค่อยชอบเกมที่ผู้เล่นถูกลงโทษจากการที่เล่นเก่งกว่าคนอื่น และ PG ก็เป็นตัวอย่างชั้นดีของเกมแบบนั้น
ความไม่เท่าเทียมที่เกิดจากระบบหาใช่ความสามารถ
ใน PG ลำดับ Turn Order จะวัดด้วยจำนวนบ้าน ถ้าคุณรีบขยาย Network ไวกว่าคนอื่น คุณจะกลายเป็นคนท้ายๆ และตัวเกมจะบังคับให้คุณต้องซื้อเชื้อเพลิงแพง และได้อยู่ประมูลโรงไฟฟ้า(ที่เปิดแบบสุ่ม)น้อยกว่าคนอื่น ผลตอบแทนหักลบกับค่าเสียโอกาสแล้วผมคิดว่าไม่คุ้มเอาเสียเลย แถมบางทีคุณต้องไปอยู่หลังสุดทั้งๆที่บ้านเท่าคนอื่นแต่ดัน “บังเอิญ” มีโรงไฟฟ้าที่เลขเยอะกว่าคนอื่นแค่ 1 เบอร์
ใน AoS/S ระบบ Turn Order วัดกันที่เงินและความต้องการ คุณอยากเล่นก่อนคุณจะเอาเงินมาสู้ (โดยการกู้) ราคาของมันคือนอกจากคุณจะต้องจ่ายแพงแล้ว ดอกเบี้ยก็ยังแพงเพราะ AoS กู้แล้วไม่มีคืน (Steam คืนได้) โดยถ้า performance ระหว่างเล่นคุณดี คุณก็จะกู้น้อยกว่าคนอื่นเพราะมีเงินมาหมุนเยอะกว่า อันนี้เลยเป็นเรื่องของฝีมือไม่ใช่ดวง
ใน AoS ทุกครั้งที่จบรอบแต้มของผู้เล่นจะถูกปรับลดลงตาม tier ของแต้มที่อยู่ ยิ่งแต้มเยอะคุณก็ยิ่งมีแรงต้านเยอะ หรือพูดอีกอย่างคือแรงต้านของเกมจะเป็นไปตาม performance จริงของผู้เล่น (Steam ไม่มีระบบนี้แต่ผู้เล่นจะต้องเลือกตอนได้แต้มว่าจะเอาไปเพิ่มทุนไว้ใช้ตาหน้า หรือเปลี่ยนเป็นแต้มจบเกม ซึ่งถ้าคุณเล่นได้ดีคุณจะสามารถแบ่งแต้มไปลงแต้มจบได้เยอะกว่า)
ของดีของแพงใครกำหนด?
เนื่องจากแผนที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนนอกจากจะซื้อตัวเสริมใหม่ๆ ไดนามิคของ PG จึงถูกกำหนดด้วยลำดับโรงไฟฟ้าที่เปิดมาและถูกประมูลไป การแข่งขันในตลาดโรงไฟฟ้าถูกกำหนดด้วยตัวเกมไม่ใช่จากผู้เล่น
ใน AoS/S แม้แผนที่จะแบบเดิมแต่ไดนามิคเปลี่ยนทุกเกมเพราะสินค้าเริ่มวางแบบสุ่ม ผู้เล่นทุกคนอยู่บนพื้นฐานเดียวกันคือส่งสินค้าแบบเดียวกัน ส่วน Network การส่งของผู้เล่นก็เป็นคนสร้างเอง ไม่มีความได้เปรียบเสียบเปรียบจากตลาดคนล่ะชนิด
มันเป็นเกม Feel Good
สิ่งที่ PG ทำได้เหนือกว่า AoS สำหรับผู้เล่นยูโรตลาดใหญ่ คือความเป็นเกม Feel Good เพราะคุณไม่ถูกกดดันด้วยแต้มลบและหนี้สินระหว่างเกม คุณแค่เล่นตามเกมไปเรื่อยๆ รอบนี้ส่งของได้มากน้อย ยังไงก็ได้ตังมาค่อยๆขยับไปเรื่อยๆ แต่ถ้าคุณบวกเลขเป็นคุณจะเห็นเลยว่าทุกครั้งที่คุณจ่ายแพง หรือส่งไฟไม่ได้คุณก็โดนทิ้งห่างแล้ว (ก็ต้องถือเป็นความฉลาดในการออกแบบ)
ถ้าเทียบกันแล้ว PG vs Steam จะตรงกว่าเพราะ AoS ตัวเกม Unforgiven กว่าเยอะ
แต่ก็แน่นอนว่าความหมายของคำว่า”สนุก”ของแต่ล่ะคน และ”เล่นได้ดี”ของแต่ล่ะเกมมันไม่เหมือนกัน :)