IMHO- ผมแค่อยากพล่ามเฉยๆเท่านั้นแหละ

Sisada Ransibrahmanakul
Written by Sisada Ransibrahmanakul on
IMHO- ผมแค่อยากพล่ามเฉยๆเท่านั้นแหละ

จริงๆแล้วสิ่งที่ผมแล้วค่อนข้างกลัวในการทำเพจก็คือ ‘มีคนซื้อเกมตาม’ ( ในกรณีนี้คือซื้อตามแบบไม่ได้หาข้อมูลก่อน ) กับศัพท์เฉพาะทางที่ผมก็งงๆนิดหน่อยว่ากำเนิดมาจากไหนคือ ‘ป้ายยา’ คือแบบ….อ่ะ! ทำไมพูดยังกะเราไปเชียร์ซื้อเกมกันนะ? เราแค่เขียนถึงเกมที่เราเล่นเฉยๆเท่านั้นเอง

แรงขับดันที่ทำให้ผมเขียนก็เพราะ ‘อยากเขียน’ เฉยๆเลยไม่มีอะไรซับซ้อน สำหรับคนกลุ่มคนประเภท INTP แบบผมแล้ว การได้เรียบเรียงความคิดฟุ้งๆในหัวมาทำให้เป็นรูปร่างจนสำเร็จนี้ถือเป็นเรื่องที่ทำกันไม่ได้บ่อยๆ เวลาเขียนก็เลยออกแนวจดบันทึกพูดถึงเกมที่ตัวเองเล่นมา แต่ก็ปรับข้อความให้คนอื่นอ่านได้ด้วยเท่านั้นเอง (จริงๆก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าอ่านกันรู้เรื่องไหม……ฮา) ด้วยความที่ผมมีโอกาสได้เล่นเกมใหม่ค่อนข้างบ่อยเพราะในกลุ่มที่เล่นด้วยประจำมีสายซื้อเกมหลายคน หลายๆเกมจะไม่ค่อยได้เล่นซ้ำเยอะ การเขียนบันทึกเอาไว้ ก็ทำให้เวลากลับมาอ่านเกมก็จะนึกถึงตอนที่เล่นเกมนั้นๆว่าเราคิดไว้ยังไง

…….เรื่องตลกเล็กๆส่วนตัวคือว่าตามสถิติแล้วผมเล่นเกมใหม่อาทิตย์ล่ะ 1.3 เกมแต่เขียนลงอาทิตย์ล่ะ 2 เกมทำไมยังเขียนไม่ทัน มีหลายเกมมากที่อารมณ์การเล่นมันผ่านไปแล้ว พอความรู้สึกมันไม่สดใหม่พอกลับมาเขียนยาก ก็จำเป็นต้องปล่อยไปก็มีเยอะอยู่……

แน่นอนว่าผมดีใจมากที่มีคนอ่านข้อเขียนผมแล้วชอบ ( ผมไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองเขียนมันดีขนาดจะเรียกได้ว่าเป็นบทความ ) แต่พอมีคนบอกซื้อเกมนี้ตามเพราะผมเลย มันก็จะมีความรู้สึกในแง่ความรับผิดชอบบางอย่างตามมา อย่างเช่น “ถ้าไม่สนุกขึ้นมาจะมาด่ากูป่ะว่ะ” หรือ “ถ้าเชื่อเพจนี้คงอดเจอเกมสนุกๆซะแล้ว แม่งด่าซะเกมกาก” ไรงี้ คือหลายคนอาจจะรู้สึกดีที่ได้เป็น Cult Leader แต่พอดีไม่ใช่จริตผมเท่าไร ผมแค่อยากจะมีพื้นที่แชร์ความคิดเห็นของตัวเองแบบไม่ต้องเกรงใจใครเท่านั้นเอง พอความชอบที่เป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวมันมีผลในเชิงแบบชี้นำก็เลยรู้สึกแปลกๆ

หลังๆรู้สึกว่าตัวเองเขียนได้ ‘แห้ง’ ขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะรูปแบบการเขียนที่ใช้อยู่เริ่มนิ่งมากขึ้น คือเน้นมองที่กลไกและกระบวนการเล่นของเกม เหตุผลหนึ่งที่ผมเจอในช่วงแรกที่เขียนคือพอเขียนไปซักพักเกมไหนๆก็จบด้วยคำอธิบายได้ไม่กี่อย่าง ‘ชิงจังหวะ’, ‘มีเรื่องให้คิด’, ‘ดวงมากน้อย’ หรืออะไรเทือกๆนั้น คือเห็นได้ชัดว่าซ้ำซากมากผมอ่านเองยังเบื่อ ( ส่วนตัวผมเลี่ยงคำใช้สร้างอารมณ์ประเภท มันส์มาก, คิดเยอะสุดๆ อะไรแถวๆนั้นเพราะว่าไม่ได้เขียนมาขายของ ) ผมเลยมุ้งเน้นการมองที่กลไกของเกมที่เป็นส่วนผสมหลากชนิด ในสัดส่วนและจังหวะที่แตกต่างกันมีผลต่อความสนุกและอารมณ์ไม่เหมือนกัน เหมือนเรากำลังทำอาหาร (แต่นอกจากมาม่าแล้วผมทำอย่างอื่นไม่เป็นนะ) อีกอย่างคือรูปแบบที่ใช้อยู่ตอนนี้รู้สึกว่าเขียนง่ายดี (ฮา) เมื่อก่อนตอนทำรีวิวยาวๆรู้สึกว่าต้องเสียเวลาเรียบเรียง จัดหน้าถ่ายรู้ลำบากมาก ขัดกับจุดประสงค์ที่เราแค่อยากพล่ามเฉยๆ ตอนหลายปีก่อนเคยทำเป็นคลิปแต่พบว่ามันวุ่นวายมากต้องทำให้เนี๊ยบในรวดเดียว (แต่ด้วยความที่กระบวนการเรียนรู้ผมมาจากอ่านกับลงมือทำมากกว่าเลยแทบไม่ได้ดูคลิปอะไรเท่าไร ดูทีไรง่วงทุกที) ไม่เหมาะกับลักษณะความคิดผมที่ชอบโปรยๆ draft ทิ้งไว้แล้วค่อยกลับมาแก้ที่ล่ะนิดๆ

อย่างที่บอกคือแนวคิดตั้งต้นผมไม่ได้เขียนเพื่อมาแบ่งปันอะไรให้สังคม แต่ทำเพื่อสนองแรงขับดันส่วนตัวเป็นหลัก ( อยากพล่ามแล้วมีคนเห็นในความคิดของเรา…อีกอย่างเวลาเขียนก็สนุกดี…แต่ถ้าต้องมาตอบคำถามกติกาของกลุ่มคนที่มีรูลบุ๊คไว้แทนกระดาษรองแก้วจะหงุดหงิดมาก แต่ถ้ากลุ่มอ่านมาแล้วสงสัยก็ยินดีตอบนะ ) สิ่งที่ผมชอบมากน่าจะเป็น comment แนวเล่นแล้วคิดเห็นอย่างไรบ้างมากกว่า ด้วยความที่รสนิยมเกมมันไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน การได้คุยกับแนวคิดที่แตกต่างก็เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าสนุกดี … จริงๆที่ใส่ rating ของตัวเองไว้ก็เพื่อจุดประสงค์อะไรแบบนี้แหละ ส่วนตัวคิดว่าระบบคะแนน 1-10 ไม่ความหมายอะไร เพราะเราไม่ได้วัดในเชิงอุตสาหกรรมที่ต้องมีมาตรฐาน แถมไม่เห็นมันจะสะท้อนความรู้สึกจริงๆของเราตรงไหน สาเหตุที่ผมเขียนถึงเกมที่ผมไม่ชอบด้วยส่วนหนึ่งก็เพราะว่าอยากให้คนรู้จัก stand point ทางรสนิยมด้วยว่าไม่ชอบเกมแบบไหน คือผมมีแนวคิดว่าถ้าคนเขียนรีวิวไม่เคยบอกเกมที่คะแนนต่ำสุดล่ะก็ระบบคะแนนของเค้าจะไม่มีน้ำหนักอะไรเลย

จบเรื่องไร้สาระรอบนี้ เอาเป็นว่าเล่นเกมไหนแล้วคิดเหมือนไม่เหมือนก็แวะมาคุยกันนะ :)

Sisada Ransibrahmanakul

Sisada Ransibrahmanakul

โปรแกรมเมอร์ขี้บ่นที่ชอบเล่นเกมกระดาน

-->